วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

สรุป เรื่องที่เรียนวันพฤหัสบดี ที่ 10 กันยายน 2552

1.  กลยุทธ์ ในการประกอบธุรกิจ มี 3 รูปแบบ คือ
     "Red Ocean Strategy กลยุทธ์น่านน้ำสีเลือด" ถือเป็นหนทางหนึ่งที่เคยช่วยให้หลายธุรกิจ ประสบความสำเร็จ แต่ในความสำเร็จนั้น กลับก่อให้เกิดความรุนแรง ในแวดวงธุรกิจการตลาด เพราะด้วยวิถีทางแห่ง กลยุทธ์น่านน้ำสีเลือดแล้ว การแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่ง ความเป็น "เบอร์หนึ่ง" ทางธุรกิจถือเป็นจุดประสงค์หลัก ของกลยุทธ์นี้ แต่การมุ่งเอาชนะคู่แข่ง เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่า โดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดนั้น นอกจากจะทำให้เกิดการแข่งขัน ที่ดุเดือดแล้ว ยังมีโอกาสเกิดการบาดเจ็บทางธุรกิจด้วยกันทุกฝ่าย
     "Blue Ocean Strategy กลยุทธ์น่านน้ำสีคราม" จึงเป็นแนวทางดำเนินธุรกิจ ที่เกิดขึ้นตามมาเพื่อหลีกเลี่ยง การแข่งขันทางการตลาดแบบเดิม กลยุทธ์น่านน้ำ สีครามจะไม่แข่งขัน ผลิตสินค้ารูปแบบเดียวกันป้อนสู่ตลาด ไม่เอาชนะกันด้วยสินค้า ลอกเลียนแบบ แต่จะเลือกพัฒนาสินค้าของตน ให้แหวกแนวไปจากที่มีอยู่ เน้นความเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ล่าสุดที่ไม่เคยมีมาก่อน ใช้ "นวัตกรรมใหม่" และ "ความต่าง" เป็นตัวดึงดูดความสนใจ ของลูกค้า ซึ่งกลยุทธ์นี้เคยสร้างยอดขาย ถล่มทลายมาแล้วในสินค้าหลายชนิด
แต่กลยุทธ์น่านน้ำสีคราม ก็ทำให้ผู้ดำเนินธุรกิจต้องเหนื่อย กับการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อวิ่งหนีคู่แข่ง ซึ่งนั่นคือการหนีที่ไม่มีวันสิ้นสุด!
     "White Ocean Strategy กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว" เป็นฐานที่มั่นในการทำธุรกิจ อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะอยู่ในน่านน้ำสีเลือด หรือสีครามก็ตาม หากผู้บริหารและองค์กร มีความยึดมั่นอยู่บนคุณงามความดี ศีลธรรม และปรับมุมมองจากที่คอยตักตวง ผลประโยชน์จากสังคม มาเป็นการช่วยเหลือ แบ่งปัน และเป็นส่วนหนึ่งของส่วนรวม โดยคำนึงถึงภาพกว้างของ People, Planet, Profit และ Passion เป็นแรงขับเคลื่อนในการบริหารงานทุกภาคส่วน ตั้งแต่พันธกิจ วิสัยทัศน์ นโยบาย การผลิต การบริหาร การตลาด การสื่อสาร การบริหารงานบุคคล ฯลฯ นับจากวันก่อเกิดองค์กร
2.  ความคุ้มค่า คือ ความพอใจ
3.  รายจ่ายมี 4 ประเภทใหญ่ ดังนี้
     3.1  รายจ่ายด้านงานบุคลากร คือ รายจ่ายที่กำหนดให้จ่ายเพื่อการบริหารงานบุคคล  ได้แก่  รายจ่ายที่จ่ายในลักษณะเงินเดือน  ค่าจ้างประจำ  ค่าจ้างชั่วคราว เป็นต้น
     3.2  รายจ่ายด้านค่าสาธารณูปโภค คือ รายจ่ายเกี่ยวกับค่าบริการสาธารณูปโภค การสื่อสารและโทรคมนาคมต่างๆ ที่เราไม่สามารถทำเองได้ เช่น ค่าบริการ ค่าภาษี  
     3.3  รายจ่ายด้านงบลงทุน คือ รายจ่ายที่กำหนดให้จ่ายเพื่อการลงทุน ที่ใช้ในระยะยาว ไม่เกี่ยวข้องกับคน ได้แก่  รายจ่ายที่จ่ายในลักษณะค่าครุภัณฑ์  ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง  
     3.4  รายจ่ายด้านงบในการดำเนินงาน คือ รายจ่ายที่กำหนดให้จ่ายเพื่อการบริหารงานประจำ
4.  ประเภทของรายรับ
     4.1  จำนวนสินค้าที่ขายได้
     4.2  จำนวนครั้งที่เข้าใช้บริการ
----------------------------------------------------------
สรุปจากเรื่องที่อาจารย์เล่า "คนเกินร้อย ใจเกินร้อย"
1.  จากเรื่องเล่า คนเกินร้อย ใจเกินร้อย ใช้หลักการบริหารความเสี่ยงหรือไม่ อย่างไร
ตอบ  ประเด็นแรก คือ จากที่คนขับรถแท็กซี่ขับรถไปเลื่อยๆ หรือการเหมารถ ก็หันมารับผู้โดยสารที่หน้าโรงแรมแทน
        ประเด็นที่สอง คือ คนขับแทกซี่ใช้วิธีการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต คือการเลิกสุรา และเลือกที่จะเิติมแก๊สแทนน้ำมันเนื่องจากมีราคาถูกกว่า
2.  ใช้หลักการหาลูกค้าถูกต้องตามเป้าหมายหรือไม่ อย่างไร
ตอบ   ถูกต้องตามเป้าหมาย ในช่วงแรกที่เศรษฐกิจดี เค้าไม่ต้องขับรถตระเวนไปทั่ว หรือไม่ก็รับจ้างไปตามที่ต่างๆ แต่ปัจจุบันแค่เขาจอดรถรออยู่หน้าโรงแรมเพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเหมาไปเที่ยวตามที่ต่างๆ เพียงเท่านี้ก็พอสำหรับค่าเช่ารถและค่าใช้จ่ายประจำวันของเขาแล้ว
3.  ข้อเสนอแนะในการบริหารความเสี่ยง จากกรณีดังกล่าว
ตอบ   ฝึกการพูดภาษาที่ใช้ในการสนทนากับลูกค้าชาวต่างชาติให้มากขึ้น

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

ท่านคิดว่าการจะเป็นผู้ประกอบการด้านไอที ควรจะพิจารณาหรือปฏิบัติอะไรบ้าง

1. ผู้ประกอบการต้องทำตัวให้ดูดี
2. สร้างความแตกต่างด้วยเทคโนโลยีเฉพาะด้าน
3. วางตัวเป็นที่ปรึกษาที่น่าเชื่อถือแก่ลูกค้า
4. มีโซลูชั่นเพื่อตอบสนองความต้องการ ไม่ใช่มีแค่ตัวซอฟต์แวร์เปล่าๆ
5. ต้องสร้างองค์กรที่เข้มแข็ง
6. มีธรรมาภิบาล
7. คนในองค์กรต้องมีคุณภาพ
8. มีการพัฒนาความรู้ต่อยอดให้กับพนักงาน
9. ส่งเสริมให้มีการแป่งปันความรู้ในองค์กร
10. ต้องรู้ลึกรู้จริงในเทคโนโลยีที่ทำอยู่
11. ตื่นตัวรับการเปลี่ยนแปลงต่อการแข่งขัน หรือ สนใจศึกษาความรู้ใหม่ๆ
12. ต้องเป็นผู้ที่ให้ความรู้กลับคืนสู่สังคมด้วย

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เพื่อนแท้

เพื่อนทั่วไปไม่เคยเห็นคุณร้องไห้ เพื่อนแท้มีหัวไหล่ไว้คอยซับน้ำตาคุณ
เพื่อนทั่วไปจะไม่รู้ชื่อพ่อแม่ของคุณ เพื่อนแท้จะมีเบอร์ของท่านไว้ในสมุดจดโทรศัพท์ของเขา
เพื่อนทั่วไปจะถือขวดไวน์ติดมือมางานปาร์ตี้ของคุณ เพื่อนแท้จะมาแต่วันเพื่อช่วยเตรียมงาน
เพื่อนทั่วไปอยากคุยกับคุณถึงปัญหาของเขา เพื่อนแท้อยากช่วยปัดเป่าปัญหาของคุณออกไป
เพื่อนทั่วไปจะพิศวงในเรื่องโรแมนติกเก่าๆ เพื่อนแท้สามารถเอาเรื่องนี้มาอำคุณได้
เพื่อนทั่วไปเวลามาเยี่ยมคุณจะทำตัวเยี่ยงแขก เพื่อนแท้จะตรงรี่ไปเปิดตู้เย็นและบริการตนเอง
เพื่อนทั่วไปคิดว่ามิตรภาพจบลงเมื่อเกิดการทะเลาะถกเถียง เพื่อนแท้รู้ดีว่านั่นจะมิใช่มิตรภาพ จนกว่าคุณได้เคยวิวาทกัน
เพื่อนทั่วไปคาดหวังให้คุณอยู่เคียงข้างเขาเสมอ เพื่อนแท้คาดหวังที่จะอยู่เคียงคุณตลอดไป

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ความคิดจากถังน้ำสองใบ

ชายคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธารถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิและสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง...แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกลจากลำธารกลับสู่บ้าน....จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีเต็มที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำกลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง....ซึ่งแน่นอนว่าถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจในผลงานเป็นอย่างยิ่ง ...ขณะเดียวกันถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเองมันรู้สึกโศกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ ที่มันถูกสร้างขึ้นมา

หลังจากเวลา 2 ปี… ที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่าเป็นความล้มเหลวอันขมขื่นวันหนึ่งที่ข้างลำธาร มันได้พูดกับคนตักน้ำว่า "ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะรอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้าที่ทำให้น้ำที่อยู่ข้างในไหลออกมาตลอดเส้นทาง ที่กลับไปยังบ้านของท่าน"

คนตักน้ำตอบว่า "เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า...แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่งเพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่....ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้าและทุกวันที่เราเดินกลับ...เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเล็ดพันธุ์เหล่านั้นเป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าวถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว..เราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้"


คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้นอาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ และกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้

สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง